วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

อาชีพในอนาคตที่อยากเป็น

อาชีพที่ผมอยากเป็นในอนาคตคือ ผมอยากเป็นแพทย์เพราะการเป็นแพทย์
คือ การที่เราได้ช่วยเหลือผู้คนที่เจ็บป่วย ซึ่งเป็นอาชีพที่ดีด้วย



และมหาลัยที่ผมอยากไปคือ มหาลัยมหิดล ศาลายา สาเหตุที่อยากไปเพราะ
เป็นมหาลัยที่ผมรู้จักที่เเรก
เเละมหาลัยนี้ก็อยู่ใกล้บ้าน ตา ของผมด้วย
นี่คือรูปภาพของ มหาลัยมหืดล

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

บุคคลผู้มีความสามารถ

นี่คือบุคคลที่มีความสามารถมาก เขาคนนั้นคือ MJ หรือ Micheal jackson เขา
เป็นศิลปินที่ผมชอบมากครับ นี่คือรูปของเขา





กำเนิด ไมเคิล แจ๊คสัน Michael Jackson, A Star Was Born
ไมเคิล แจ๊คสัน หรือ Michael Jackson เป็นชาวอเมริกัน มีชื่อจริงว่า ไมเคิล โจเซฟ แจ๊คสัน เกิดเมื่อวันที่ 29 ส.ค. พ.ศ. 2501 ได้เข้าสู่เส้นทางนักร้องตั้งแต่อายุเพียง 7 ขวบ ด้วยการเป็นนักร้องนำในวง “เดอะ แจ๊คสัน ไฟว์” มีผลงานอัลบั้มแรกคือ “ก๊อท ทู บี แดร์” (Got to Be There) เมื่อปี พ.ศ. 2514 ขณะที่เขามีอายุ 11 ขวบ และเพลงของเขาก็สามารถไต่ไปอยู่อันดับ 1 บนบิลบอร์ดได้สำเร็จถึง 3 เพลงด้วยกัน

Michael Jackson, King of Pop
จากนั้นชื่อเสียงของ ไมเคิล แจ๊คสัน ก็ทวีความแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยในปี พ.ศ. 2522 อัลบั้ม “ออฟ เดอะ วอลล์” (Off the Wall) ได้ทำสถิติใหม่ด้วยยอดขายกว่า 20 ล้านก๊อบปี้ทั่วโลก ก่อนจะมีผลงานอีกหลายอัลบั้มตามมา แต่ที่เด่น ๆ จนมีเพลงฮิตติดชาร์ตและสร้างสถิติที่น่าทึ่งให้กับวงการเพลงก็เห็นจะเป็นอัลบั้ม “ทริลเลอร์” (Thriller) ในปี พ.ศ. 2525 ซึ่งสร้างสถิติอัลบั้มที่มียอดขายสูงสุดตลอดกาลมากถึง 60 ล้านชุด และอัลบั้ม “แบด” (Bad) ในปี พ.ศ. 2530 กับสถิติอัลบั้มที่มีซิงเกิ้ลขึ้นอันดับ 1 ในบิลบอร์ดมากที่สุด

พอให้หลังไป 4 ปี ในปี พ.ศ. 2534 ชื่อเสียงของ ไมเคิล ก็กลับมาผงาดครองความแรง บนแผงเทปอีกครั้งด้วยอัลบั้ม “แดนเจอรัส” (Dangerous) ในปี พ.ศ. 2534 โดยเพลง “แบล็ก ออร์ ไวท์” (Black or White) นั้นติดอันดับ 1 ทั้งในบิลบอร์ดและชาร์ตเพลงทั่วโลก ก่อนที่จะส่งอัลบั้ม“ฮิสทรี่” (History) กับเพลง “ยัวร์’ น็อท อโลน” (You’re Not Alone) เป็นซิงเกิ้ลแรกในประวัติศาสตร์ที่ติดอันดับ 1 ตั้งแต่สัปดาห์แรกที่วางจำหน่าย และเขาเองก็ได้ทิ้งห่างการออกอัลบั้มมานานถึง 10 ปีเต็ม ก่อนจะส่งผลงาน “อินวิซิเบิ้ล” (Invicible) สู่ตลาดอีกครั้ง ในปี พ.ศ. 2544 โดยที่ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าได้ว่านี่คืออัลบั้มชุดสุดท้ายในชีวิตของเขา

คอนเสิร์ต ไมเคิล แจ๊คสัน และ Michael Jackson’s Dangerous Tour ที่ไทย
การแสดงสดของ ไมเคิล แจ๊คสัน นั้นสร้างความประทับใจให้กับคนดูได้เสมอ เปิดคอนเสิร์ตครั้งใดแฟนเพลงต่างก็ให้ความสนใจ ไปต่อแถวซื้อตั๋วและรอดูอย่างแน่นขนัดแทบทุกครั้ง ซึ่งเมื่อปี พ.ศ. 2536 ในเมืองไทยเองก็มีการจัดคอนเสิร์ตใหญ่ของ ไมเคิล แจ๊คสัน ในอัลบั้ม “แดนเจอรัส” มาแล้วถึง 2 รอบ ที่สนามศุภชลาศัย โดยบัตรราคา 500, 800, 1,000, 1,500 และ 2,500 บาท ซึ่งถือว่าแพงมากในยุคนั้น ความแรงของ ไมเคิล แจ๊คสัน ทำให้เกิดกระแส “ไมเคิล แจ๊คสัน ฟีเวอร์” มาแล้ว ของที่ระลึก อัลบั้มเพลง และทุกอย่างที่เกี่ยวกับไมเคิล แจ๊คสัน นั้นขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แต่ขณะนั้นก็มีคนในสังคมบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับการแสดงของไมเคิล และกระแสที่ฟีเวอร์จนเกินเหตุ โดยเฉพาะกับท่าเต้นลูบเป้าที่ไม่เหมาะกับวัฒนธรรมไทย นั้นเป็นประเด็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ อยู่นานพักใหญ่

คอนเสิร์ตครั้งนั้นถูกจัดการแสดงขึ้นในวันที่ 21 ส.ค. 36 เป็นรอบแรก แต่พอมาถึงรอบที่ 2 ในวันที่ 22 ส.ค. แฟนเพลงต่างก็ต้องผิดหวัง เมื่อคอนเสิร์ตนั้นถูกเลื่อน โดยผู้จัดการแสดงอ้างว่าไมเคิลป่วย จนต้องเลื่อนการแสดงออกไปวันที่ 23 ส.ค. แต่สุดท้ายก็เลื่อนอีก จนแฟนเพลงไม่พอใจและเกิดการจลาจลหน้าสนามกีฬา สุดท้ายไมเคิลต้องเอาเทปเสียงมาเปิดยืนยันให้แฟนเพลงฟังว่า “ป่วยของจริง” และการแสดงก็ไปลงตัวจบเมื่อวันที่ 24 ส.ค. 36 ก่อนจะอำลาเมืองไทยไป การแสดงของไมเคิล แจ๊คสัน กลับมาที่เมืองไทยอีกครั้งเมื่อปี พ.ศ. 2538 ในอัลบั้ม “ฮิสทรี่” โดยจัดการแสดงที่ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี แต่ครั้งนี้ไม่ได้รับความสนใจมากเท่าครั้งแรก